วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บันทึกวันที่ 25 มกราคม 2560

กิจกรรม/เนื้อหา

กิจกรรมเสนอคำคม 
1.ผู้นำที่สุดยอด คือผู้นำที่เก่ง...การกระตุ้นให้ทีมงานมีพลังใจที่เข้มแข็งได้ตลอดเวลา ผู้นำที่แย่ที่สุด คือผู้นำที่เก่งแต่ทำลายกำลังใจของทีมงาน
2.หัวหน้าที่เก่ง ไม่ใช่คนที่สามารถสั่งลูกน้องให้ทำงานได้แต่เป็นคนที่สามารถทำงานเป็นตัวอย่างให้ลูกน้องดูได้

เนื้อหา


บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร


ความหมาย

   
     ผู้นำ (Leader)หมายถึง บุคคลที่มีศิลป บุคลิกภาพ ความสามารถ เหนือบุคคลทั่วไป สามารถชักจูงให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ต้องการได้ 
ความเป็นผู้นำ (Leadership) เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ผู้บริหารทุกคนควรเป็นผู้นำ และมีภาวะผู้นำ แต่ผู้นำไม่สามารถเป็นผู้บริหารที่ดีได้ทุกคน เพราะผู้บริหารต้องมีทักษะ มีความสามารถในหน้าที่ของผู้บริหารด้วย

ประเภทของผู้นำ


1. ผู้นำตามอำนาจหน้าที่ โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ (Authority)และมีอำนาจบารมี (Power)เป็นเครื่องมือ มีลักษณะที่เป็นทางการ (Formal) และไม่เป็นทางการ (Informal)มี 3แบบ
1.1 ผู้นำแบบใช้พระเดช  เป็นผู้นำที่ได้อำนาจในการปกครองตามกฎหมายมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่
1.2 ผู้นำแบบใช้พระคุณ  เป็นผู้นำที่ได้อำนาจเกิดขึ้นจากบุคลิกภาพเป็นคุณสมบัติส่วนตัวของผู้นั้น ได้จากการชนะใจหรือแรงศรัธา ไม่ได้เกิดขึ้นจากตำแหน่งหน้าที่
1.3 ผู้นำแบบพ่อพระ      เป็นผู้นำที่ได้อำนาจตามกฎหมายเเต่ไม่ใช้อำนาจนั้น เช่น พระมหากษัตริย์

2. ผู้นำตามการใช้อำนาจ  มี 3 แบบ
2.1 ผู้นำแบบเผด็จการ  (Autocratic Leadership)หรือ อัตนิยม ตั้งตัวเป็นผู้นำใช้อำนาจเผด็จการ ( One Man Show)
2.2  ผู้นำแบบเสรีนิยม (Laisser-Faire Leadership)ให้ลูกน้องทำงานตามอิสระใดๆก็ได้แต่ห้ามผิดกฎหมาย
2.3  ผู้นำแบบประชาธิปไตย (Democratic Leadership)ฟังความคิดเห็นลูกน้อง โหวตเสียงข้างมาก

3.  ผู้นำตามบทบาทที่แสดงออกมี 3 แบบ
3.1 ผู้นำแบบบิดา-มารดา (Parental Leadership)ปฏิบัติตนเหมือนพ่อ-แม่ คือทำตนเป็นพ่อแม่เห็น ผู้อื่นเป็นเด็ก
3.2  ผู้นำแบบนักการเมือง  (Manipulater Leadership)พยายามสะสมและใช้อำนาจโดยอาศัยความรอบรู้และตำแหน่งหน้าที่การงานของคนอื่นมาแอบอ้างเพื่อให้ตนได้มีความสำคัญ
3.3  ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ  (Expert Leadership)ผู้นำแบบนี้เกือบจะเรียกว่าไม่ได้เป็นผู้นำตามความหมายทางการบริหาร เพราะมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ Staff มักเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้เฉพาะอย่าง เช่น คุณหมอพรทิพย์

ระบบการบริหาร  (Management System)
1. ระบบเปิด  (Open system) เป็นองค์การซึ่งดำเนินภายในและมีการปฏิสัมพัทธ์ (interacts) กับสภาวะแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก
2. ระบบปิด  (Closed System) เป็นระบบที่ไม่ต้องการอิทธิพลใด ๆ จากภายนอกและไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ธุรกิจมักจะมองแต่ภายในองค์การ

คุณสมบัติของผู้นำ
1. มีความเฉลียวฉลาด      2. มีการศึกษาอบรมดี    
3. มีความเชื่อมั่นใจตนเอง    4. เป็นคนมีเหตุผลดี    
5. มีประสบการณ์ในการปกครองบังคับบัญชาเป็นอย่างดี     6. มีชื่อเสียงเกียรติคุณ  
7. สามารถเข้ากับคนทุกชั้นวรรณะได้เป็นอย่างดี   8. มีสุขภาพอนามัยดี  
9. มีความสามารถเหนือระดับความสามารถของบุคคลธรรมดา 10 มีความรู้เกี่ยวกับงานทั่ว ๆ ไปขององค์กร หรือหน่วยงานที่ตนปฏิบัติอยู่โดยเฉพาะ
11. มีความสามารถเผชิญปัญหาเฉพาะหน้า ที่จะเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงานให้ได้ทันท่วงที     12. มีความสามารถคาดการณ์

ภาวะผู้นำ (Leadership)

1. ผู้นำโดยกำเนิด ผู้นำประเภทนี้ เกิดมาก็มีคุณลักษณะบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำ อาจสืบทอดโดยตำแหน่ง
2. ผู้นำที่มีความอัจฉริยะ ผู้นำประเภทนี้เกิดขึ้นได้เพราะเป็นผู้มีความสามารถเป็นอัจฉริยะ
3. ผู้นำที่เกิดขึ้นตามสายงานบริหาร ผู้นำประเภทนี้เป็นผู้นำที่เกิดจากการได้รับการแต่งตั้งตามสายงานการบริหาร
4.  ผู้นำตามสถานการณ์ เป็นผู้นำที่เกิดขึ้นแบบมีทีมงานเป็นส่วนใหญ่ มีความใฝ่ใจสูง เน้นการบริหารงานให้ได้ทั้งคนและทั้งงาน

บทบาทหน้าที่ของผู้นำ

1. ชี้แนะ ให้คำปรึกษา กำกับดูแล (Coaching)
2. เปลี่ยนทัศนคติลึก ๆ ในตัวคน
3.  ดึงศักยภาพที่มีอยู่ โดยไม่ต้องเอาความรู้ข้างนอกมามากนัก
4.  ทำให้สถานที่ทำงานเป็นที่รักของพนักงาน
5.Full fill Basic Need ให้คนในองค์การ เช่น ให้ตำแหน่ง
6. ดึงคนให้หลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัว ทัศนคติต้องเปลี่ยน

ผู้นำยุคใหม่

1. L คือ Listen เป็นผู้ฟังที่ดี
2. E คือ Explain สามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ให้เข้าใจได้
3. A คือ Assist ช่วยเหลือเมื่อควรช่วย
4. D คือ Discuss รู้จักแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
5. E คือ Evaluation ประเมินผลการปฏิบัติงาน
6. R คือ Response แจ้งข้อมูลตอบกลับ
7. S คือ Salute ทักทายปราศรัย
8. H คือ Health มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
9. I คือ Inspire รู้จักกระตุ้นและให้กำลังใจลูกน้อง
10. P คือ Patient มีความอดทนเป็นเลิศนั่นเอง

ผู้บริหารแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ 

1.  ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการ  (Line Manager)
2.  ผู้บริหารทำหน้าที่ให้คำแนะนำ  (Staff  Manager)
3.  ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการเฉพาะด้าน  (Functional Manager)
4.  ผู้บริหารทั่วไป  (General Manager)
5.  ผู้บริหาร (Administrator

ระดับผู้บริหารและอำนาจหน้าที่

1.  ผู้บริหารหรือหัวหน้างานระดับต้น First – Line Manager ทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมงานเท่านั้นจัดการงานเท่าที่ได้รับคำสั่งให้ทำ
2.  ผู้บริหารระดับกลาง  (Middle Managers) ได้แก่ตำแหน่ง ผู้จัดการโรงงาน   ผู้จัดการฝ่ายผลิต หัวหน้าวิศวกร ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติกร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ฯลฯ
3.  ผู้บริหารระดับสูง (Top Managers)  ได้แก่  ตำแหน่ง  ประธานกรรมการบริษัท  ประธานบริษัท  ผู้บริหารระดับสูงหรือรองประธาน  ผู้อำนวยการหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการ  หรือ  รวมถึง ตำแหน่งผู้ว่าการ  เลขาธิการ  อธิบดี  ปลัดกระทรวงเป็นต้นมีหน้าที่และความรับผิดชอบ การจัดการระดับสูง

การนำไปปรับใช้
     
     จากคุณสมบัติของผู้นำและการบริหารงานในรูปแบบต่างๆ เราสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมได้ ให้เข้ากับงาน เข้ากับคนเพื่อบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จและมีประสิทธิภาพ และ รู้ว่าผู้นำแบบไหนที่ควรทำงานด้วยแและให้ความเคารพนับถือ

ประเมินผู้สอน
   
     เนื้อหาละเอียดและเยอะพอสมควร แต่สามารถบรรยายเเละยกตัวอย่างได้เข้าใจ

ประเมินตนเอง

     ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น